เราได้เคยแนะนำสถานที่ Unseen Japan ไปแล้วใน Part 1 วันนี้ Open World Travel เลยจะมาแนะนำอีก 5 สถาน ที่เที่ยวในญี่ปุ่นให้ทุกคนได้ลองไปเที่ยวตามกัน รับรองว่าเด็ดไม่แพ้กับ Part 1 แน่นอน จะมีสถานที่ไหนบ้างเราไปดูกันได้เลย

เกาะแมวเอโอชิม่า (Aoshima cat Island)

เกาะเอโอชิม่า (Aoshima) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เกาะแมว” เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดเอะฮิเมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายเพราะมีประชากรแมวมากกว่า 100 ตัวที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้ ซึ่งมากกว่าจำนวนประชากรมนุษย์ที่อาศัยอยู่ที่นั่น เกาะเอโอชิม่าเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่รักแมว เพราะเมื่อไปถึงจะพบกับแมวมากมายที่เป็นมิตรและยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว บนเกาะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากนัก ไม่มีโรงแรมหรือร้านอาหารขนาดใหญ่ มีเพียงร้านค้าเล็กๆ ที่จำหน่ายของใช้จำเป็นเท่านั้น ใครที่จะไปเที่ยวควรเตรียมตัวและสิ่งของที่จำเป็นไปให้พร้อม การเดินทางไปยังเกาะเอโอชิม่าต้องนั่งเรือข้ามจากท่าเรือ Nagahama ที่ตั้งอยู่ในเมืองโอซุ (Ozu) ซึ่งการเดินทางใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่เรือข้ามฟากจะมีรอบจำกัดในแต่ละวัน ใครเป็นทาสแมวต้องห้ามพลาดโดยเด็ดขาด !
เกาะกระต่ายโอะคุโนะชิมะ (Usagi Jima)

นอกจากจะมีเกาะแมวแล้ว ที่ประเทศญี่ปุ่นยังมีเกาะกระต่ายอีกด้วย เกาะโอะคุโนะชิมะ (Okunoshima) หรือที่เรียกกันว่า “เกาะกระต่าย” (Usagi Jima) เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในทะเลเซโตะใน จังหวัดฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดีเพราะมีกระต่ายป่าจำนวนมากอาศัยอยู่บนเกาะนี้ เดิมทีเกาะโอะคุโนะชิมะเคยเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตอาวุธเคมีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงครามสิ้นสุด โรงงานถูกปิดและมีการนำกระต่ายมาปล่อยบนเกาะ กระต่ายเหล่านี้ขยายพันธุ์และกลายเป็นประชากรจำนวนมากในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะนี้จะได้พบกับกระต่ายจำนวนมากที่เป็นมิตรและยินดีต้อนรับผู้มาเยือน สามารถให้อาหารและเล่นกับกระต่ายได้ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของเกาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม การเดินทางไปยังเกาะโอะคุโนะชิมะสามารถนั่งเรือข้ามจากท่าเรือ Tadanoumi ที่ตั้งอยู่ในเมือง Takehara จังหวัดฮิโรชิมะ การเดินทางใช้เวลาประมาณ 15 นาที ใครที่จะไปเที่ยวควรเตรียมอาหารสำหรับกระต่ายไปด้วยเพราะบนเกาะไม่มีร้านค้าที่จำหน่ายอาหารสำหรับกระต่าย ถ้าไม่พกไปอดให้อาหารน้องกระต่ายน้าา
เกาะร้างฮาชิมะ (Hashima Island)

เกาะฮาชิมะ (Hashima Island) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เกาะเรือรบ” (Battleship Island) เป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันดีเนื่องจากมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและอาคารเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้าง เกาะฮาชิมะเคยเป็นศูนย์กลางการทำเหมืองถ่านหินที่สำคัญในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนถึงกลางศตวรรษที่ 20 บริษัทมิตซูบิชิได้ซื้อเกาะนี้และสร้างอาคารหลายชั้นที่มีลักษณะเหมือนเรือรบเพื่อเป็นที่พักของคนงานเหมืองและครอบครัวของพวกเขา ที่จุดสูงสุดของการทำเหมืองถ่านหิน เกาะฮาชิมะมีประชากรหนาแน่นมาก โดยมีพื้นที่เฉลี่ยต่อคนต่ำมาก ในปี 1974 การทำเหมืองถ่านหินบนเกาะได้หยุดลงและเกาะถูกทิ้งร้าง นับแต่นั้นมา อาคารและโครงสร้างต่างๆ บนเกาะได้ถูกปล่อยให้เสื่อมสภาพและทรุดโทรม กลายเป็นภาพที่น่าหวาดเสียวและน่าสนใจในเวลาเดียวกัน ในปัจจุบัน เกาะฮาชิมะได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ โดยมีการจัดทัวร์นำเที่ยวเพื่อนำเสนอประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของเกาะ อย่างไรก็ตาม บางส่วนของเกาะยังคงห้ามเข้าเนื่องจากความไม่ปลอดภัยของโครงสร้างอาคารที่เสื่อมสภาพ การเดินทางไปยังเกาะฮาชิมะสามารถทำได้โดยการนั่งเรือข้ามจากท่าเรือในเมืองนางาซากิ ทัวร์นำเที่ยวจะมีการจัดเป็นรอบๆ และนักท่องเที่ยวควรจองทัวร์ล่วงหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้มีที่นั่งบนเรือ เพราะถ้าวอคอินเข้าไปมีสิทธิ์สูงมากที่จะไม่ได้ไปนั่นเอง ทางที่ดีเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนจะดีที่สุด
หมู่บ้านชิโมกุริ (Shimoguri no Sato)

หมู่บ้านชิโมกุริ (Shimoguri no Sato) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาลึกในเมืองอีดะ (Iida) จังหวัดนางาโนะ ประเทศญี่ปุ่น หมู่บ้านนี้เป็นที่รู้จักกันดีเนื่องจากตั้งอยู่บนเนินเขาสูงชันและมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามมาก บางครั้งถูกเรียกว่า “หมู่บ้านหลังคาโลกของญี่ปุ่น” เพราะวิวที่สวยงามและที่ตั้งที่สูงชัน หมู่บ้านชิโมกุริมีอายุยาวนานกว่า 400 ปี และมีบ้านเรือนที่สร้างแบบดั้งเดิมที่ผสมผสานกับธรรมชาติอย่างลงตัว วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ค่อนข้างสงบและเรียบง่าย พวกเขามักทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่มีความลาดชัน หมู่บ้านชิโมกุริเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ และต้องการสัมผัสกับธรรมชาติและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่มาเยือนสามารถเดินป่าชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามได้ รวมถึงมีที่พักแบบเรียวกัง (Ryokan) ที่สามารถพักผ่อนและสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตแบบชาวบ้าน การเดินทางไปยังหมู่บ้านชิโมกุริสามารถทำได้โดยการขับรถจากเมืองอีดะ (Iida) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือสามารถนั่งรถบัสจากสถานีรถไฟอีดะไปยังหมู่บ้านนี้ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เส้นทางที่เข้าถึงหมู่บ้านนี้ค่อนข้างแคบและลาดชัน ใครจะไปควรเตรียมตัวและเช็คสภาพอากาศก่อนเดินทาง
หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก (Zao Fox Village)

หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก (Zao Fox Village) หรือ “หมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะ” ตั้งอยู่ในจังหวัดมิยากิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นสถาน ที่เที่ยวในญี่ปุ่น ที่ไม่เหมือนใคร ที่นี่มีสุนัขจิ้งจอกมากมายหลายสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับธรรมชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าใกล้และสังเกตพฤติกรรมของสุนัขจิ้งจอกได้อย่างใกล้ชิด ที่หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก นักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารพิเศษสำหรับสุนัขจิ้งจอกและให้อาหารพวกมันได้ อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังและปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ สุนัขจิ้งจอกบางตัวอาจจะขี้เล่นและอยากรู้อยากเห็นมาก ในขณะที่บางตัวอาจจะค่อนข้างระมัดระวังและกลัวคนแปลกหน้า หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะยังมีสุนัขจิ้งจอกสายพันธุ์ที่หายากและสีขนที่หลากหลาย เช่น สุนัขจิ้งจอกสีเงินและสีขาว ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวที่รักสัตว์และชื่นชอบการถ่ายภาพประทับใจ การเดินทางไปยังหมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะ สามารถทำได้โดยการนั่งรถไฟไปยังสถานี Shiroishi-Zao จากนั้นนั่งรถแท็กซี่หรือรถบัสไปยังหมู่บ้าน การเดินทางโดยรถแท็กซี่จะสะดวกกว่าเนื่องจากหมู่บ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาและการเดินทางอาจจะซับซ้อนเล็กน้อย หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอกซาโอะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและไม่เหมือนใคร เหมาะสำหรับครอบครัวและคนรักสัตว์ที่ต้องการสัมผัสกับความน่ารักและความเป็นธรรมชาติของสุนัขจิ้งจอกในสภาพแวดล้อมที่สวยงามและสงบ ใครอยากชมความน่ารักของเหล่าสุนัขจิ้งจอกละก็ ต้องห้ามพลาด !
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสถาน ที่เที่ยวในญี่ปุ่น ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนไปตามกัน เพราะว่าเราคัดมาให้แล้วว่าดีจริง น่าสนใจ สวย และแปลกใหม่ ใครที่อยากไปเที่ยวตามสถานที่ Unseen ของประเทศญี่ปุ่น แต่ไม่อยากวางแผนเองก็อย่าลืมให้ Open World Travel เป็นไกด์ส่วนตัวนำเที่ยวนะคะ