หลาย ๆ คนที่อยากจะไป เที่ยวญี่ปุ่น ก็คงกำลังมองหาสถานที่เที่ยวกันอยู่ใช่มั้ยหล่ะ วันนี้ Open World Travel จะมาแนะนำปักหมุด ! 10 ที่เที่ยวที่ต้องไป เมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น ให้ทุกคนได้ไปปักหมุดตามกัน บอกเลยว่าถ้าไปตามเราแล้วจะประทับจนต้องกลับไปซ้ำอย่างแน่นอน จะมีที่ไหนบ้างเราไปดูกันได้เลย

1. เที่ยวญี่ปุ่น สะพานนุซามัย ( Nusamai Bridge )

เที่ยวญี่ปุ่น

สะพานนุซามัย (Nusamai Bridge) ในประเทศญี่ปุ่น บอกได้เลยว่าที่นี่เป็นมากกว่าแค่สะพานข้ามแม่น้ำ แต่เป็นดั่งสัญลักษณ์อันโดดเด่นของ เมืองคุชิโระ (Kushiro) บนเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น สะพานแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มาสัมผัสบรรยากาศอันมีชีวิตชีวา เรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น และชมวิวทิวทัศน์ที่งดงาม สะพานนุซามัย มีความยาว 150 เมตร โดดเด่นด้วยสีแดงสดใส ตัดกับสีเขียวชอุ่มของธรรมชาติ บนสะพานประดับประดาด้วยรูปปั้นหญิงสาว 4 องค์ สื่อถึงสี่ฤดูกาล สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวแม่น้ำคุชิโระ ทิวทัศน์เมืองคุชิโระ และเทือกเขาที่โอบล้อม โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม บรรยากาศสุดแสนโรแมนติก บริเวณโดยรอบสะพานนุซามัย เต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้า และตลาด นักท่องเที่ยวสามารถลิ้มลองอาหารทะเลสดใหม่ ช้อปปิ้งของที่ระลึก และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวคุชิโระ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่นบนสะพาน ถ่ายรูปเก็บความประทับใจ เช่าจักรยานปั่นชมเมือง ล่องเรือชมแม่น้ำ หรือตกปลาในแม่น้ำคุชิโระ

2. เที่ยวญี่ปุ่น สวนสาธารณะซากปราสาทโมริโอกะ ( Morioka Castle Ruins Park )

เที่ยวญี่ปุ่น  Marloko Castle Site Park
เที่ยวญี่ปุ่น

สวนสาธารณะซากปราสาทโมริโอกะ (Morioka Castle Ruins Park) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโมริโอกะ จังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของปราสาทโมริโอกะอันเก่าแก่ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง กลายเป็นสวนสาธารณะที่ร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ และชมวิวทิวทัศน์ ไฮไลท์ของสวนสาธารณะซากปราสาทโมริโอกะ คือ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สวนสาธารณะแห่งนี้จะกลายเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม ต้นไม้หลากสีสัน เรียงรายไปทั่วบริเวณสวน สร้างบรรยากาศโรแมนติก และเหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของปราสาทโมริโอกะ ผ่านนิทรรศการต่างๆ ภายในสวนสาธารณะ และยังเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่น นั่งปิกนิก หรือวิ่งออกกำลังกาย ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นอีกด้วย

3. เที่ยวญี่ปุ่น จิบิพาร์ค ( Ghibli Park )

Ghibli Park เที่ยวญี่ปุ่น

Ghibli Park สวนสนุกที่เนรมิตโลกแห่งจินตนาการจากภาพยนตร์อันโด่งดังของ Studio Ghibli ให้มีชีวิตชีวา ดึงดูดเหล่าแฟนๆ ให้หลุดเข้าสู่ดินแดนแห่งเวทมนตร์ ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาประทับใจในภาพยนตร์เรื่องโปรด ไม่ว่าจะเป็น “โทโทโร่เพื่อนรัก” “มิติวิญญาณมหัศจรรย์” หรือผลงานอื่นๆ มากมาย Ghibli Park ไม่ได้เน้นความหวาดเสียวหรือความตื่นเต้นเร้าใจ แต่กลับมุ่งมั่นสร้างบรรยากาศอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ให้เด็กๆ ได้ออกผจญภัย ผู้ใหญ่ได้รำลึกความทรงจำ และทุกคนได้สัมผัสความสุขท่ามกลางธรรมชาติเฟสแรกของ Ghibli Park ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างใหญ่ภายใน สวนเฉลิมฉลองการจัดงานเอกซ์โป ไอจิ 2005 แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก แต่ละโซนเต็มไปด้วยรายละเอียดน่าค้นหา รอให้เหล่าผู้มาเยือนออกสำรวจ ดื่มด่ำกับบรรยากาศเสมือนหลุดเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์

4. ศาลเจ้าฮิคาวะ ( Hikawa Shrine )

ศาลเจ้าฮิคาวะ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเมืองคาวาโกเอะ จังหวัดไซตามะ ศาลเจ้าฮิคาวะ (Hikawa Shrine) ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยเสน่ห์อันเก่าแก่และความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องความรักและครอบครัว ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่นอันยาวนานอีกด้วย

5. เที่ยวญี่ปุ่น วัดโกโทคุจิ ( Gotokuji Temple )

วัดโกโทคุจิ (Gotokuji Temple) ไม่ได้เป็นเพียงวัดเก่าแก่ธรรมดา แต่ยังเป็น ต้นกำเนิดแมวกวัก หรือ มาเนะกิ เนโกะ (Maneki Neko) สัญลักษณ์แห่งโชคลาภที่โด่งดังไปทั่วโลก ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น รายล้อมไปด้วยต้นไม้ โดยเฉพาะซากุระที่บานสะพรั่งในช่วงเดือนเมษายน ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสความน่ารักและความศักดิ์สิทธิ์ ย้อนกลับไปในยุคสมัยเอโดะ มีโชกุนท่านหนึ่งเดินทางผ่านมาบริเวณวัด ทันใดนั้นเอง ก็มีแมวตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้น พาโชกุนเข้าไปยังวัด ทันทีที่โชกุนก้าวเข้าสู่บริเวณวัด พายุใหญ่ก็โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงด้านนอก โชกุนจึงรอดพ้นจากอันตราย ด้วยความซาบซึ้งใจ โชกุนจึงประกาศให้วัดโกโทคุจิเป็นวัดประจำตระกูล และสร้างต่อเติมเรื่อยมา

6. อิเนะ ( Inenofunaya )

อิเนะ (Ine) หมู่บ้านชาวประมงที่เปี่ยมเสน่ห์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น หมู่บ้านแห่งนี้โดดเด่นด้วยบ้านเรือนโบราณที่เรียกว่า “ฟุนายะ” (Funaya) ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชั้นล่างเป็นท่าจอดเรือ สะดวกต่อการออกหาปลา ชั้นบนเป็นที่พักอาศัย สะท้อนวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวประมงที่ผูกพันกับท้องทะเล ภายในหมู่บ้านมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น บ้านฟุนายะ: เอกลักษณ์อันโดดเด่นของอิเนะ คือบ้านฟุนายะ สถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่ผสมผสานระหว่างที่พักอาศัยและท่าจอดเรือ สะท้อนภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของชาวประมงท้องถิ่น สัมผัสความเงียบสงบ ผ่อนคลาย ท่ามกลางธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวประมง ชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของอ่าวอิเนะ ท้องทะเลสีคราม เรือแคนูคายัค และภูเขาเขียวขจี เติมเต็มความประทับใจ ได้ลิ้มลองอาหารทะเลสดๆ หลากหลายเมนู จากวัตถุดิบที่ขึ้นจากทะเลทุกวัน สัมผัสรสชาติความอร่อยแบบดั้งเดิม และล่องเรือชมอ่าว พายเรือแคนูคายัค ตกปลา เดินเล่นชมหมู่บ้าน เรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมง ถ่ายรูปเก็บความประทับใจ

7. เที่ยวญี่ปุ่น วัดคัทซึโอจิ หรือ วัดดารูมะ ( Katsuoji Temple )

วัดคัทซึโอจิ หรือ วัดดารูมะ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดโอซาก้า เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม บนเชิงเขา รายล้อมไปด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่นอันกว้างขวาง เหมาะแก่การเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ และสัมผัสบรรยากาศอันร่มรื่นวัดคัทซึโอจิ เป็นวัดแห่งชัยชนะ: ชื่อเสียงโด่งดังของวัดคัทซึโอจิ มาจากความเชื่อที่ว่าการมาสักการะและถวายตุ๊กตาดารูมะที่นี่ จะช่วยให้ประสบความสำเร็จ และเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ในชีวิตได้ ภายในวัดเต็มไปด้วยตุ๊กตาดารูมะหลากสีสัน ที่นักท่องเที่ยวสามารถเขียนคำอธิษฐานลงบนดวงตาข้างหนึ่ง และทาสีตาอีกข้างหนึ่ง เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ค่อยนำมาทาสีตาอีกข้างให้ครบ วัดคัทซึโอจิมีสวนสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่ ร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้หลากชนิด เหมาะแก่การเดินเล่น ถ่ายรูป หรือพักผ่อนหย่อนใจ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง วัดคัทซึโอจิกลายเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมาชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของใบไม้หลากสีสัน ที่โอบล้อมตัววัดและในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ทางวัดจะมีการจัดงานเปิดไฟ Light up ประดับประดาด้วยไฟสวยงาม สร้างบรรยากาศโรแมนติก

8. หาดโอโกชิกิ (  The Okoshiki Coast )

 The Okoshiki Coast  ชายหาดที่สวยที่สุดในเมืองคุมาโมโตะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของเมืองคุมาโมโตะ บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น คือ ชายหาดอันลี้ลับ ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 100 ชายหาดที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ชายหาดแห่งนี้ เปรียบเสมือน ภาพวาดที่ธรรมชาติรังสรรค์ ดึงดูดนักท่องเที่ยวและช่างภาพจากทั่วทุกมุมโลก มาสัมผัสความงามและเก็บภาพความประทับใจ หาดทรายสีขาวละเอียด ทอดยาวขนานไปกับ น้ำทะเลสีฟ้าใส ตัดกับท้องฟ้าสีคราม สร้างบรรยากาศที่ เงียบสงบ และ โรแมนติก สายลมเย็นพัดโชย เสียงคลื่นซัดเบาๆ เป็นเสมือนบทเพลงกล่อมใจ ให้ผู้มาเยือนรู้สึกผ่อนคลาย และหลีกหนีความวุ่นวายของโลกภายนอก พระอาทิตย์ตกดิน ที่ชายหาดแห่งนี้ เป็นสิ่งที่ห้ามพลาด แสงสีทองสาดส่องลงบนผืนน้ำ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีสันอันงดงาม สะท้อนให้เห็นภาพของ ภูเขา และ เกาะแก่ง ที่อยู่ไกลออกไป กลายเป็น ภาพทิวทัศน์ ที่ตรึงตาตรึงใจ จนยากจะลืมเลือน

9. เที่ยวญี่ปุ่น สวนเฮียวตัน ซากุระ ปาร์ค ( Hyotan Sakura Park )

สวนเฮียวตัน ซากุระ ปาร์ค (Hyotan Sakura Park) ตั้งอยู่บนต้นน้ำของแม่น้ำนิโยโดะ (Niyodo River) แม่น้ำสายสำคัญของภูมิภาคชิโกะคุ (Shikoku) ประเทศญี่ปุ่น สวนแห่งนี้โด่งดังด้วย ต้นซากุระโบราณอายุนับพันปี ที่มีรูปทรงดอกตูมคล้ายน้ำเต้า จึงเป็นที่มาของชื่อ “เฮียวตันซากุระ” นั่นเอง ความพิเศษของสวนเฮียวตัน ซากุระ ปาร์ค คือ

  • ต้นซากุระโบราณอายุกว่า 500 ปี: สวนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ ต้นซากุระสายพันธุ์โอชิโนะ (Yoshino Cherry) อายุกว่า 500 ปี สูงประมาณ 21 เมตร รอบฐานกว้างประมาณ 6 เมตร ด้วยความเก่าแก่และความยิ่งใหญ่ ต้นซากุระต้นนี้จึงได้รับการประกาศให้เป็น อนุสรณ์ทางธรรมชาติของจังหวัดโคจิ (Kochi)
  • ความงดงามของดอกซากุระ: ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ สวนเฮียวตัน ซากุระ ปาร์ค จะเต็มไปด้วยดอกซากุระสีชมพูบานสะพรั่ง สร้างความงดงามตระการตา ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาชมความงาม
  • บรรยากาศร่มรื่น: สวนเฮียวตัน ซากุระ ปาร์ค ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สร้างบรรยากาศร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ และถ่ายรูป

สวนเฮียวตัน ซากุระ ปาร์ค เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความงามของธรรมชาติ เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่น และพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่สวนแห่งนี้จะเต็มไปด้วยดอกซากุระสีชมพูบานสะพรั่ง สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน

10. พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ ( Aomori Museum of Art )

พิพิธภัณฑ์ศิลปะอาโอโมริ (Aomori Museum of Art หรือ Aomori Kenritsu Bijutsukan) นำเสนอประสบการณ์ทางศิลปะที่ไม่เหมือนใคร ใจกลางเมืองอาโอโมริ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นที่โบราณคดีซานนาอิ มารุยาม่า (Sannai Maruyama Archaeological Site) ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียง เมื่อก้าวเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ ผู้เข้าชมจะได้พบกับผลงานศิลปะร่วมสมัยที่น่าทึ่ง ผลงานชิ้นเอกที่ห้ามพลาด ได้แก่ ภาพวาดขนาดใหญ่ 3 ภาพ โดย Marc Chagall ศิลปินชื่อดังชาวรัสเซีย ภาพพิมพ์จากบล็อกไม้และภาพวาดของ Munakata Shiko ศิลปินชาวญี่ปุ่นผู้บุกเบิกแนวทาง “สไตล์ขาวดำ” ผลงานป๊อปอาร์ตและการ์ตูนสุดขี้เล่นโดย Nara Yoshitomo ศิลปินร่วมสมัยที่มีชื่อเสียง และไฮไลท์เด็ด รูปปั้นสุนัข Aomori-Ken ขนาดมหึมา สูงถึง 8.5 เมตร ผลงานอันโด่งดังของ Nara Yoshitomo เช่นกัน

และทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 ที่เที่ยวที่ต้องไป เมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น ที่ทุกคนต้องลองไปสักครั้ง และสำหรับใครที่ไม่อยากไปเที่ยวเอง อยากมี ไกด์ส่วนตัวนำเที่ยว Open World Travel ก็พร้อมที่จะจัดทริปส่วนตัวตามงบที่ต้องให้ได้ รับรองว่าถูกใจเที่ยวได้อย่างสบายกระเป๋าอย่างแน่นอน