
วันนี้ Open World Travel จะมาแนะนำ 5 เทศกาลในประเทศญี่ปุ่น ที่ทุกคนต้องไปให้ได้ ! เราคงคุ้นชินกับคนต่างชาติมาเที่ยวบ้านเราในเทศกาลต่าง ๆ เช่นเทศกาลวันลอยกระทง สงกรานต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราได้ไปเที่ยวเทศกาลในประเทศที่แสนจะอบอุ่นอย่างประเทศญี่ปุ่น จะมีเทศกาลอะไรที่น่าไปบ้างเราไปดูกันได้เลย
เทศกาลหิมะซัปโปโร ( Sapporo Snow Festival )

เทศกาลนี้เป็นหนึ่งในงาน เทศกาลในประเทศญี่ปุ่น ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนให้มาเที่ยวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งเทศกาลหิมะซัปโปโรเริ่มต้นขึ้นในปี 1950 และก็มีมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นเทศกาลที่หลาย ๆ คนรอคอย เพราะไฮไลท์ของเทศกาลนี้น่าสนใจมาก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันแกะสลักหิมะจากตัวแทนแต่ละประเทศ สวนโอโดริที่รวบรวมประติมากรรมด้วยหิมะมาไว้ให้ผู้คนเข้าชม มีดนตรี และการแสดง มีสึโดมที่มีสนามหิมะ ห่วงยางที่สามารถนั่งไหลลงจากเนินหิมะสูง ให้ครอบครัวได้พาเด็ก ๆ ไปเล่นกัน ซึ่งเทศกาลหิมะซัปโปโรจะจัดที่ เมืองซัปโปโร บนเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเดือนต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถ้าใครอยากไปสัมผัสความหนาวพร้อมบรรยากาศสวย ๆ เราแนะนำให้ไปเที่ยวเทศกาลนี้เลย
เทศกาลคานามาระ ( Kanamara Matsuri )

เทศกาลคานามาระ หรือที่เรียกว่า “เทศกาลเหล็กหล่อ” เป็นเทศกาลที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น จัดขึ้นทุกปีในวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน ที่ศาลเจ้าคานายามะในเมืองคาวาซากิ จังหวัดคานากาวะ เทศกาลนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เน้นการเฉลิมฉลองสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย เพื่อเป็นการขอพรและเคารพบูชาโดยมีความเชื่อว่าอวัยวะเพศชายเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และสุขภาพดี การเฉลิมฉลองนี้มักจะเกี่ยวข้องกับการขอพรให้มีบุตร ขอให้การคลอดปลอดภัย และขอพรให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ซึ่งกิจกรรมภายในงานก็จะมี ขบวนแห่พระพุทธรูปที่มีรูปร่างเป็นอวัยวะเพศชายขนาดใหญ่ ซึ่งทำจากเหล็กหล่อหรือไม้ มีการขอพร การแสดงกิจกรรมต่าง ๆ และมีของที่ระลึกจำหน่ายในงานที่มีรูปร่างเป็นอวัยวะเพศชาย เรียกได้ว่าเป็นเทศกาลที่แปลกดี และควรลองไปร่วมงาน เทศกาลในญี่ปุ่น นี้สักครั้งในชีวิต
เทศกาลจิจิบุโย ( Chichibu Shrine )

เทศกาลจิจิบุโย เป็นหนึ่งในสาม เทศกาลในญี่ปุ่น ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นที่เมืองจิจิบุ จังหวัดไซตามะ เทศกาลนี้เริ่มต้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนและสิ้นสุดในวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่สำคัญที่สุดของงาน ภายในงานจะมีขบวนพาเหรดที่ใช้เกวียนเป็นหลัก และออกมาแห่ในตอนกลางคืน มีการแสดงดนตรีที่เป็นดนตรีดั่งเดิม บรรเลงจากกลองและขลุ่ย นอกจากนี้ยังมีตลาดนัดให้ได้เดินซื้อของกิน ซื้อของที่ระลึกกันอีกด้วย แต่ไฮไลท์จริงๆ อยู่ที่ดอกไม้ไฟที่จะจุดในวันที่ 6 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายและเป็นวันที่คนเข้ามาร่วมเทศกาลมากที่สุด จะมีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เราแนะนำเลยว่าใครที่ไปช่วงพฤศจิกายนต้องห้ามพลาดเทศกาลนี้เด็ดขาด
เทศกาลอาโอโมริเนบุตะ ( Aomori Nebuta Matsuri )

เทศกาลอาโอโมริเนบุตะ จัดขึ้นทุกปีในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ณ เมืองอาโอโมริ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู เทศกาลอาโอโมริเนบุตะมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปี มีต้นกำเนิดจากการเฉลิมฉลองของชาวบ้านเพื่อขับไล่วิญญาณร้ายและดึงดูดโชคลาภให้มาสู่ชุมชน ภายในงานจะตกแต่งด้วยโคมไฟขนาดใหญ่ที่ทำขึ้นด้วยกระดาษและโครงไม้ไผ่ และภาพวาดที่มีเรื่องราวจากตำนานและประวัติศาสตร์อยู่บนโคม และจะมีการแห่ตามถนนในเมืองตอนกลางคืน มีการแสดงเต้นในชุดพื้นเมืองที่เรียกว่า “ฮาเนโตะ” (Haneto) จะทำการเต้นรำไปพร้อมกับเสียงดนตรีของกลองไทโกะ (Taiko) และเครื่องดนตรีพื้นเมืองอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการประกวดการตกแต่งโคมไฟเนบุตะ การแสดงพลุ และงานเลี้ยงอาหารท้องถิ่น บอกเลยว่าเป็นอีก เทศกาลในญี่ปุ่น ที่สนุกมากต้องลองไป
เทศกาลเฮโซะ (สะดือ) ชิบุคาวะ ( Hokkai Heso Matsuri )

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมและประเพณีที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือ “เทศกาลเฮโซะ” หรือ “เทศกาลสะดือ” ซึ่งจัดขึ้นในเมืองชิบุคาวะ จังหวัดกุนมะ และจัดในวันที่ 28 – 29 กรกฎาคม ของทุกปี เป็นเทศกาลที่มีความน่ารักและแปลกตา จนกลายเป็นที่รู้จักและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยมีแนวคิดมาจากการที่เมืองชิบุคาวะตั้งอยู่ใจกลางของญี่ปุ่น ซึ่งเปรียบเสมือน “สะดือ” ของประเทศ ด้วยเหตุนี้เทศกาลนี้จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองตำแหน่งที่ตั้งของเมืองและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในพื้นที่ กิจกรรมหลักของเทศกาลเฮโซะคือการประกวดเต้นรำที่เรียกว่า “เฮโซะ-โอโดริ” ผู้เข้าร่วมจะสวมชุดแบบดั้งเดิมและแต่งหน้าที่บริเวณสะดือให้ดูเหมือนใบหน้าคน โดยมีการใช้สีสันและการตกแต่งที่ทำให้ดูน่ารักและตลก นอกจากนี้ยังมีขบวนพาเหรด การแสดงดนตรี และกิจกรรมต่าง ๆ ที่สร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนที่เข้าร่วมเทศกาล
และนี่ก็เป็น เทศกาลในประเทศญี่ปุ่น ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองไปร่วมสักครั้งในชีวิต เพราะมีความเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละเทศกาล มีความแตกต่าง ความสนุก และบรรยากาศที่แตกต่างกัน ถ้าใครอยากไปเที่ยวแต่ยังไม่มีไกด์ส่วนตัวอย่าลืมให้ Open World Travel ไปเป็นไกด์ส่วนตัวพาเที่ยวนะคะ